ශුද්ධවූ අල් කුර්ආන් අර්ථ කථනය - ශුද්ධ වූ අල්කුර්ආන් අර්ථ විවරණයේ සංෂිප්ත අනුවාදය - තායි පරිවර්තනය

පිටු අංක:close

external-link copy
62 : 3

إِنَّ هَٰذَا لَهُوَ ٱلۡقَصَصُ ٱلۡحَقُّۚ وَمَا مِنۡ إِلَٰهٍ إِلَّا ٱللَّهُۚ وَإِنَّ ٱللَّهَ لَهُوَ ٱلۡعَزِيزُ ٱلۡحَكِيمُ

แท้จริงสิ่งที่เราได้กล่าวมาให้แก่เจ้าถึงเรื่องราวของ อีซา อลัยฮิสสลาม นั้น มันเป็นความจริงที่ไม่มีโกหกและไม่มีสงสัย และไม่มีสิ่งใดที่ควรเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และแท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงเดชานุภาพในการครอบครองของพระองค์ ผู้ทรงปรีชาญาณในการบริหารจัดการ ในคำสั่ง และการสร้างของพระองค์ info
التفاسير:

external-link copy
63 : 3

فَإِن تَوَلَّوۡاْ فَإِنَّ ٱللَّهَ عَلِيمُۢ بِٱلۡمُفۡسِدِينَ

หากพวกเขาหันหนีจากศาสนาที่เจ้านำมาและไม่ปฏิบัติตามเจ้า นั่นเป็นส่วนหนึ่งของความหายนะของพวกเขา อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ถึงบรรดาผู้ก่อความเสียหายในแผ่นดิน และจะตอบแทนพวกเขาต่อสิ่งที่พวกเขากระทำ info
التفاسير:

external-link copy
64 : 3

قُلۡ يَٰٓأَهۡلَ ٱلۡكِتَٰبِ تَعَالَوۡاْ إِلَىٰ كَلِمَةٖ سَوَآءِۭ بَيۡنَنَا وَبَيۡنَكُمۡ أَلَّا نَعۡبُدَ إِلَّا ٱللَّهَ وَلَا نُشۡرِكَ بِهِۦ شَيۡـٔٗا وَلَا يَتَّخِذَ بَعۡضُنَا بَعۡضًا أَرۡبَابٗا مِّن دُونِ ٱللَّهِۚ فَإِن تَوَلَّوۡاْ فَقُولُواْ ٱشۡهَدُواْ بِأَنَّا مُسۡلِمُونَ

จงกล่าวเถิด -โอ้ท่านเราะซูล- "โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จากชาวยิวและชาวคริสต์ เรามารวมตัวกันบนคำสอนที่ยุติธรรมที่พวกเราต่างก็เหมือนกันเท่าเทียมในเรื่องนี้ นั่นคือ เราจะเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์เพียงพระองค์เดียวและไม่เคารพสักการะพระองค์พร้อมกับสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น แม้ว่าสิ่งนั้นจะมีฐานะที่สูงศักดิ์สักเพียงใดก็ตาม และพวกเราจะไม่ยึดเอาระหว่างพวกเราซึ่งกันและกัน เป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์" และหากพวกเขาผินหลังให้กับสิ่งที่เจ้าเรียกร้องจากความถูกต้องและความยุติธรรม ดังนั้น จงกล่าวแก่พวกเขา -โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา- "พวกเจ้า (ชาวคัมภีร์) จงเป็นพยาน แท้จริงพวกเราเป็นผู้จำนนต่ออัลลอฮ์เชื่อฟังพระองค์โดยการปฏิบัติตาม" info
التفاسير:

external-link copy
65 : 3

يَٰٓأَهۡلَ ٱلۡكِتَٰبِ لِمَ تُحَآجُّونَ فِيٓ إِبۡرَٰهِيمَ وَمَآ أُنزِلَتِ ٱلتَّوۡرَىٰةُ وَٱلۡإِنجِيلُ إِلَّا مِنۢ بَعۡدِهِۦٓۚ أَفَلَا تَعۡقِلُونَ

โอ้บรรดาผู้ได้รับคำภีร์เพราะเหตุใดเล่า พวกเจ้าจึงโต้เถียงในเรื่องศาสนาของอิบรอฮีม อลัยฮิสสลาม?บรรดาชาวยิวอ้างว่า แท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นยิว และบรรดาคริสต์อ้างว่าแท้จริงเขาเป็นคริสต์ ทั้งที่พวกเจ้าก็รู้ว่าศาสนายิวและศาสนาคริสต์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเว้นแต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว พวกเจ้าไม่สามารถที่ใช้สติปัญญาของพวกเจ้าได้เลยหรือที่จะเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเจ้าอ้างนั้นมันไม่จริง มันผิดมันไม่ถูกต้อง?! info
التفاسير:

external-link copy
66 : 3

هَٰٓأَنتُمۡ هَٰٓؤُلَآءِ حَٰجَجۡتُمۡ فِيمَا لَكُم بِهِۦ عِلۡمٞ فَلِمَ تُحَآجُّونَ فِيمَا لَيۡسَ لَكُم بِهِۦ عِلۡمٞۚ وَٱللَّهُ يَعۡلَمُ وَأَنتُمۡ لَا تَعۡلَمُونَ

โอ้ พวกเจ้าทั้งหลาย -โอ้ชาวผู้ได้รับคำภีร์- พวกเจ้าได้โต้เถียงต่อท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในสิ่งที่พวกเจ้ามีความรู้ในเรื่องศาสนาของพวกเจ้าและในสิ่งที่ประทานลงมายังพวกเจ้า แล้วเหตุไฉนเล่า พวกเจ้าจึงโต้เถียงกันในสิ่งที่พวกเจ้าไม่มีความรู้ ที่เกี่ยวกับอิบรอฮีมและศาสนาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีในคำภีร์ของพวกเจ้า และเป็นสิ่งที่บรรดานบีของพวกเจ้าก็ไม่ได้นำมา? และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ถึงความจริงของแต่ละสิ่งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย แต่พวกเจ้านั้นไม่รู้ info
التفاسير:

external-link copy
67 : 3

مَا كَانَ إِبۡرَٰهِيمُ يَهُودِيّٗا وَلَا نَصۡرَانِيّٗا وَلَٰكِن كَانَ حَنِيفٗا مُّسۡلِمٗا وَمَا كَانَ مِنَ ٱلۡمُشۡرِكِينَ

อิบรอฮีมไม่เคยนับถือศาสนายิวและไม่เคยเป็นคริสต์ แต่ทว่าเขาเป็นผู้ที่ออกห่างจากศาสนาที่เป็นเท็จ เป็นมุสลิมที่จำนนต่ออัลลอฮ์ เป็นผู้ที่ศรัทธาในเอกภาพของพระองค์ และเขาก็ไม่เคยอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคีต่อพระองค์ ดังที่พวกมุชริกีน(ผู้ตั้งภาคี)ชาวอาหรับอ้างไว้ info
التفاسير:

external-link copy
68 : 3

إِنَّ أَوۡلَى ٱلنَّاسِ بِإِبۡرَٰهِيمَ لَلَّذِينَ ٱتَّبَعُوهُ وَهَٰذَا ٱلنَّبِيُّ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُواْۗ وَٱللَّهُ وَلِيُّ ٱلۡمُؤۡمِنِينَ

แท้จริงแล้ว คนที่มีสิทธิมากที่สุดที่จะถือว่าตนเองเป็นคนที่ไกล้ชิดกับอิบราฮิมนั้น คือผู้ที่ปฏิบัติตามศาสนาที่เขานำมาในสมัยของเขา และบรรดาผู้มีสิทธิมากที่สุดที่จะทำเช่นนั้นคือนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อท่านในหมู่ประชาชาตินี้ และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือและผู้คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธาต่อพระองค์ info
التفاسير:

external-link copy
69 : 3

وَدَّت طَّآئِفَةٞ مِّنۡ أَهۡلِ ٱلۡكِتَٰبِ لَوۡ يُضِلُّونَكُمۡ وَمَا يُضِلُّونَ إِلَّآ أَنفُسَهُمۡ وَمَا يَشۡعُرُونَ

โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย บรรดาผู้รู้ของชาวยิวและชาวคริสต์มีความปรารถนาที่จะให้พวกเจ้าหลงจากความจริงที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้ทางนำแก่พวกเจ้า และพวกเขาจะไม่ทำให้ใครหลง นอกจากตัวของพวกเขาเอง เนื่องจากการพยายามของพวกเขาในการทำให้ผู้ศรัทธาหลงนั้นจะเพิ่มความหลงแก่พวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ถึงผลลัพธ์จากการกระทำของพวกเขา info
التفاسير:

external-link copy
70 : 3

يَٰٓأَهۡلَ ٱلۡكِتَٰبِ لِمَ تَكۡفُرُونَ بِـَٔايَٰتِ ٱللَّهِ وَأَنتُمۡ تَشۡهَدُونَ

โอ้ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลายจากชาวยิวและชาวคริสต์ เพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์ที่ประทานลงมายังพวกเจ้า และในนั้นมีสิ่งที่บ่งชี้ถึงการเป็นนบีของมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ทั้งๆที่พวกเจ้าเองเป็นพยานที่ยืนยันว่า มันคือความจริงซึ่งคำภีร์ของพวกเจ้าได้บ่งบอกไว้?! info
التفاسير:
මෙ⁣ම පිටුවේ තිබෙන වැකිවල ප්‍රයෝජන:
• أن الرسالات الإلهية كلها اتفقت على كلمة عدل واحدة، وهي: توحيد الله تعالى والنهي عن الشرك.
แท้จริงสาส์นทั้งหมดของอัลลอฮนั้นมีสอดคล้องอยู่บนถ้อยคำแห่งความยุติธรรมเดียวกัน นั้นก็คือการเชื่อในอัลลอฮ์องค์เดียว และการห้ามไม่ให้ตั้งภาคีต่อพระองค์ info

• أهمية العلم بالتاريخ؛ لأنه قد يكون من الحجج القوية التي تُرَدُّ بها دعوى المبطلين.
ความสำคัญของการรู้ประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์สามารถเป็นหนึ่งในหลักฐานที่หนักแน่นที่สุดที่สามารถนำมาใช้ เพื่อหักล้างสมมติฐานของคนหลงทางได้ info

• أحق الناس بإبراهيم عليه السلام من كان على ملته وعقيدته، وأما مجرد دعوى الانتساب إليه مع مخالفته فلا تنفع.
ผู้ที่มีสิทธิ์สมควรต่ออิบรอฮีม อลัยฮิสสลาม มากที่สุดนั้น คือผู้ที่อยู่ในศาสนาของเขาและอยู่ในหลักศรัทธาของเขา ส่วนการอ้างถึงสิทธิ์ที่พร้อมกับการสวนทางกับเขา มันไม่เป็นประโยชน์อะไร info

• دَلَّتِ الآيات على حرص كفرة أهل الكتاب على إضلال المؤمنين من هذه الأمة حسدًا من عند أنفسهم.
โองการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชาวคัมภีร์ที่จะหลอกลวงบรรดาผู้ศรัทธาจากแระชาชาตินี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาจากภายในพวกเขา info